โรคโรซาเซียหรือสิวหน้าแดงคืออะไร?

หลายคนอาจจะไม่คุ้นในชื่อของโรคโรซาเซีย แต่ถ้าหากเป็นอาการผิวหน้าที่เกิดเป็นสิวปื้นแดงขนาดใหญ่จำนวนมากเต็มใบหน้าแล้วล่ะก็ เชื่อได้เลยว่ามีหลายคนไม่มากก็น้อยที่เคยสัมผัส หรือเป็นโรคนี้ในขณะปัจจุบัน วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเจ้าโรคนี้โดยสังเขบกันดีกว่าครับ

โรคโรซาเซีย (Rosacea) หรือที่เรียกกันว่า “สิวหน้าแดงโรซาเซีย” คือ โรคผิวหนังที่คนทั่วโลกเป็นกันมาก แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในชื่ออย่างเป็นการมากนัก ปัจจุบันยังไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้ว่าเกิดจากอะไร แต่ได้สันนิษฐานไว้กันว่าอาจเกิดจากกรรมพันธุ์และปัจจัยแวดล้อมหลายๆอย่างรวมกัน ซึ่งโรคโรซาเซียเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่มักพบมากในกลุ่มคนช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ทั้งนี้โรค Rosacea อาจเกิดขึ้นและหายไปเองได้ มักจะแสดงอาการเป็นเเวลาไม่กี่สัปดาห์และค่อย ๆ หายไปเอง แต่ก็อาจกลับมาเกิดขึ้นได้อีกครั้งเสมอ

📌 ลักษณะอาการโรคโรซาเซีย 📌

1. ผิวหนังเกิดอาการแดงคล้ายโดนแดดบริเวณใบหน้า แก้ม และจมูก
2. เกิดตุ่มแดง หรือตุ่มหนองคล้ายสิว แต่ไม่ใช่สิวอักเสบ
3. ขุมขนกว้าง ผิวหนังขรุขระ และมีเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ที่เกิดการขยายตัวบริเวณที่ผิวหนังมองเห็นได้ชัดเจน
4. หากเกิดบริเวณดวงตาจะแสบตา ตาแดง และน้ำตาไหล
5. ผิวหนังผู้ป่วยโรซาเซียระคายเคืองได้ง่าย
   
   
   

📍ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการกระตุ้นโรคโรซาเซีย 📍

1. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการสุบบุหรี่จัด
2. การใช้เครื่องสำอางบางชนิด
3. การรับประทานอาหารรสเผ็ดจัดบ่อยครั้ง
4. การโดนแสงแดดแรงจัดเป็นเวลานานๆ
5. เผชิญภาวะความเครียด
6. การใช้ยาที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว หรือยารักษาความดันโลหิตบางชนิด
   
   
   

💉 วิธีการรักษาโรคโรซาเซีย 💉

โรซาเซียถือเป็นโรคผิวหนังที่มีผลกระทบต่อความงามของหนุ่มสาวสมัยนี้มาก มีอาการค่อนข้างเรื้อรังและยังไม่สามารถหาวิธีรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นการรักษาทางแพทย์ผิวหนังปัจจุบันควรควบคู่กับการดูแลสุขภาพผิวของคนไข้ร่วมกัน ซึ่งวิธีการรักษาควบคุมอาการมีหลายวิธีทั้งการรับประทานยาปฏิชิวนะ การใช้ยาทา หรือการรักษาโดย IPL (Intensive Pulse Light) คือการฉายคลื่นแสงความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อรักษาผิวบริเวณที่มีอาการ โดยส่งผลให้คลื่นแสงรักษาผิวไปจับกับ Hemoglobin ในหลอดเส้นเลือดที่ปรากฎตัวบนผิวหนังรอยโรคนั้น ๆ หดลงจนมองเห็นได้ยากขึ้น รอยโรคจึงจางหายไปมากขึ้นนั้นเอง ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็ว สะดวก ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุด ทั้งนี้การรักษาโรคโรซาเซียด้วย IPL ควรรักษาเป็นประจำทุกเดือนในช่วงแรกเป็นเวลา 4 - 6 ครั้ง ก็สามารถบรรเทาโรค และฟื้นฟูสภาพผิวได้ดั่งเดิมถึง 50-75% ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคเป็นแต่ละปัจเจกบุคคลด้วย รวมทั้งผู้ป่วยโรคนี้ก็ควรต้องมีวิธีการดูแลสุขภาพผิวร่วมด้วยกันจึงจะสามารถช่วยให้หายจากรอยโรคนี้ได้ดียิ่งขึ้นมาก

🚩 IPL คืออะไร? 🚩

IPL หรือ Intense Pulsed Light คือ การใช้พลังงานคลื่นแสงกว้างเข้มข้นสูงความยาวคลื่นเริ่มตั้งแต่ 420 nm ถึง 1200 nm ในการรักษาปัญหาของผิวพรรณโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันเป็นนวัตกรรมที่สามารถครอบคลุมปัญหาผิวได้เฉพาะหลายอย่างภายในครั้งเดียว ไม่ว่าจะสามารถรักษาปรับสีผิวให้กลับมาสม่ำเสมอขาวใส ช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยหดเล็กลง กระตุ้นการเกิดคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังได้ดี สามารถลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระและจุดด่างดำ กระชับรูขุมขนให้เล็กลง ลดความมันของผิวหน้าและการเกิดสิวใหม่ หรือแม้กระทั่งใช้กำจัดขนถาวรได้อีกด้วย โดยที่ไม่ทำให้ผิวการเกิดบาดเจ็บและไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังการรักษา โดยหมอสไปรท์ได้ใช้เครื่อง IPL คุณภาพสูง ซึ่งได้รับการรับรองในมาตรฐานการรักษาผ่าน อย. ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐฯ (FDA) จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่หมอสไปรท์ได้เลือกคัดสรรมาให้เพื่อรักษาคนไข้ครับ

💊 การดูแลสุขภาพผิวเบื้องต้นควบคู่กับการรักษาโรซาเซีย 💊

1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
2. ดูแลผิวหน้าอย่างอ่อนโยน อย่าขัดหรือสัมผัสผิวหน้ามากเกินไป
3. หลีกเลี่ยงอาหารร้อนหรือเครื่องดื่มร้อน งดอาหารและเครื่องดื่มรสจัด
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรืองดสูบบุหรี่ถาวร
5. อย่าเผชิญกับความเครียดจัด ปล่อยให้ใจสลบ
6. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย
7. หากเปลือกตาอักเสบจากโรคโรซาเซียให้ดูแล และบรรเทาอาการด้วยการทำความสะอาดเปลือกตาด้วยน้ำอุ่นทุกวัน
   

โรซาเซียถือได้ว่าเป็นโรคที่ทำลายความมั่นใจในตัวเองสำหรับหนุ่มสาวสมัยนี้ ซึ่งควรรักษาโดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง แม้ไม่สามารถทำให้โรคนี้หายขาดได้แต่ก็สามารถบรรเทาอาการได้ดียิ่งขึ้นได้อีกครั้ง หมอสไปรท์เชื่อมั่นว่าหากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีก็สามารถกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้งอย่างแน่นอนครับ

ด้วยรักและความปราถนาดีจากหมอสไปรท์ ❤️❤️